บทความ

ดึงหน้า “เฟสล็อค”

รูปภาพ
ดึงหน้า  เทคนิคเฉพาะของหมอชลธิศ ที่เรียกว่า เฟสล็อค (Face Lock) เป็นการผ่าตัดผิวหน้าบริเวณที่หย่อนคล้อยให้กระชับเต่งตึง แก้ปัญหาหางตาตก ริ้วรอยใต้ตา ตีนกา ร่องแก้ม ร่องน้ำหมากลึก แก้มห้อยย้อย คางย้อย และบริเวณคอเหี่ยว ในบางรายมีไขมันสะสมในบริเวณแก้มและใต้คางก็จะใช้วิธีดูดไขมันประกอบด้วยไปพร้อมๆ กับการดึงหน้า ซึ่งเป็นการผ่าตัดเอาผิวหนังบางส่วนบริเวณไรผมออก แล้วเย็บแผลแบบละเอียดโดยเทคนิคเฉพาะ  ใช้เวลาพักฟื้นแค่ 1-2 วัน หลังจากทำเสร็จสามารถเดินทางกลับบ้านและใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ผลที่ได้คือลูกค้าจะรู้สึกความเต่งตึง กระชับ อย่างเห็นได้ชัด เหมือนย้อนวัยไป 10 ปี รอยแผลก็จะค่อยๆ จางลง โดยรอยแผลจะอยู่ตามแนวไรผม ไม่เป็นแผลเป็นหรือคีรอยด์ ซึ่งการมองด้วยตาเปล่าแบบปกติแทบจะมองไม่เห็นรอยแผล ผิวหน้าจะรู้สึกได้ถึงความเต่งตึงกระชับอย่างเห็นได้ชัด ดึงหน้า face lock การทำศัลยกรรมดึงหน้า เฟสล็อค (Face Lock) เทคนิคที่คิดค้นขึ้นเป็นพิเศษ การทำศัลยกรรมดึงหน้านั้นเป็นการผ่าตัดศัลยกรรมที่ถูกคิดค้นขึ้นโดยหมอชลธิศ ซึ่งจะช่วยยกกระชับใบหน้าทุกส่วนตั้งแต่บริเวณหน้าผาก ไปจนถึงใบหน้าส่วนล่าง ความหย่อนคล้อย ริ้ว

รวมลิสต์ราคาทำตา 10 รพ.ศัลยกรรมเกาหลีชั้นนำ

รูปภาพ
ราคาศัลยกรรมเกาหลี รวมรายการราคาทำตาสองชั้น 10 โรงพยาบาลศัลยกรรมชั้นนำในเกาหลี การทำตาสองชั้นเป็นหนึ่งในการศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมสูงในเกาหลี เนื่องจากสามารถเปลี่ยนลักษณะทางกายภาพของดวงตาให้มีความสวยงามและดูมีชีวิตชีวามากขึ้น ด้านล่างนี้คือรายการราคาทำตาสองชั้นเริ่มต้นจาก 10 โรงพยาบาลศัลยกรรมชั้นนำในเกาหลี: โรงพยาบาลศัลยกรรมไอดี (ID Hospital) ราคา: 4,500,000 วอน (ตาสองชั้นแบบกรีด + ปรับกล้ามเนื้อตา + ปรับไลน์ชั้นตา) โรงพยาบาลศัลยกรรมบาโนบากิ (Banobagi Plastic Surgery) ราคา: 4,900,000 วอน (ตาสองชั้นแบบกรีด + ปรับกล้ามเนื้อตา) โรงพยาบาลศัลยกรรมอีพิค (Epic Plastic Surgery) ราคา: 4,000,000 วอน (ตาสองชั้น + ปรับกล้ามเนื้อตา) โรงพยาบาลศัลยกรรมเอโตน (Etonne Plastic Surgery) ราคา: 4,840,000 วอน (ตาสองชั้น + ปรับกล้ามเนื้อตา) โรงพยาบาลศัลยกรรมวิว (View Plastic Surgery) ราคา: 3,500,000 วอน (ตาสองชั้นแบบกรีด + ปรับกล้ามเนื้อตา) โรงพยาลศัลยกรรมมโซลมาอิน (SeoulMine Plastic Surgery) ราคา: 1,500,000 วอน (ตาสองชั้นแบบกรีด + ปรับกล้ามเนื้อตา) โรงพยาบาลศัลยกรรมดีเซ่ (Deesse Plastic Surgery) ราคา: 1,20

กินเค็มมากเกินไป ระวังอ้วนไม่รู้ตัว

รูปภาพ
  สาเหตุของอาการบวมน้ำ การปรับเปลี่ยนรสชาติอาหารที่ทานอยู่เป็นประจำไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะรสเค็ม เพราะคนไทยเราติดรสชาติเค็ม หลากหลายเมนูอาหารต้องมีการปรุงเพิ่ม ใส่ทั้ง น้ำปลา เกลือ ซีอิ้ว ผงชูรส ซึ่งล้วนแล้วแต่ส่งผลให้ร่างกายเขาเราได้รับปริมาณ “โซเดียม” สูง จนอาจเกินปริมาณที่เหมาะสมสำหรับร่างกายของเราใน 1 วัน (ไม่เกิน 2,400 มิลลิกรัม) ถ้าหากร่างกายของเราได้รับโซเดียมสูงเกินความต้องการ ในระยะยาวย่อมส่งผลเสียต่อสุขภาพ ทั้งเป็นสาเหตุให้เกิด โรคไต ความดันโลหิต แถมยังมีผลให้ร่างกายของเรามีลักษณะบวมขึ้น เพราะโซเดียมจะทำให้ร่างกายของเราเก็บกักน้ำเอาไว้มากขึ้น แถมโซเดียมยังกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกหิวมากกว่าปกติ ซึ่งส่งผลให้เราเผลอรับประทานอาหารเยอะขึ้น มีผลให้น้ำหนักตัวสูงขึ้นตามไปด้วย สำหรับคำแนะนำง่ายๆ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคให้ทานเค็มลดลง มีดังนี้ 1.ชิมก่อนปรุง คนไทยเรามีพฤติกรรมที่ไม่ค่อยดีในการทานอาหารต่างๆ ก็คือมักจะต้องปรุงเพิ่มทุกครั้ง โดยที่ไม่ได้ชิมก่อน ไม่ว่าจะเป็นเมนูก๋วยเตี๊ยวต่างๆ หรือแม้แต่อาหารตามสั่งทั้งหลาย หลายคนจะต้องปรุงเพิ่มเสมอ เติมพริกน้ำปลาเพิ่ม ทั้งๆ ที่อา

กินเค็มแล้วทำให้ตัวบวมจริงหรอ?

รูปภาพ
  สาเหตุของอาการบวมน้ำ มีใครรู้สึกไหมว่าทำไมช่วงนี้ตัวเราถึงบวมๆทั้งๆ ที่เราก็ไม่ได้กินเยอะ จริงๆก็มีแอบคิดนะว่าเราไม่ได้อ้วนหรอก เราอาจจะแค่ตัวบวมเฉยๆเท่านั้นเอง แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าการกินเค็มนั้นสามารถทำให้ตัวเราบวมขึ้นได้ เพราะการกินเค็มจะทำให้เกิดความรู้สึกหิวและมีความอยากอาหารมากขึ้น ว่าแต่รายละเอียดของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร ทีม INN ได้หาคำตอบมาให้แล้ว เราไปอ่านพร้อมๆ กันเลย           ต้องถามก่อนว่ามีใครเสพติดการกินอาหารรสเค็มบ้าง? เหตุผลที่ว่าทำไมกินเค็มถึงทำให้ตัวบวมหรือมีความเสี่ยงที่จะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้นั้นเป็นเพราะว่ารสเค็มเป็นรสที่ส่งผลต่อการกินมากที่สุด ซึ่งรสเค็มจะเป็นตัวเร่งให้สมองเราผลิตสารโดปามีนที่ทำให้เรามีความสุข และความพึงพอใจ ทำให้เราเกิดความรู้สึกอยากอาหารมากขึ้น ยิ่งถ้าเป็นคนที่ติดรสเค็มด้วยแล้ว ก็จะทำให้เราอยากกินนู่นอยากกินนี่อยู่ตลอด            ทุกคนรู้ไหมว่าการกินเค็มนั้นนอกจากจะทำให้มีความอยากอาหารที่มากขึ้นแล้ว ยังส่งผลให้ร่างกายของเราบวมน้ำอีกด้วย สังเกตจากร่างกายของเราได้ง่ายๆว่าเรามีอาการบวมน้ำหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นการที่หน้าของเรานั้นบวม ท้องป

ไม่อยากตัวบวมในช่วงวันนั้นของเดือน 5 เคล็ดลับนี้ช่วยคุณได้อาการบวมน้ำ

รูปภาพ
  อาการบวมน้ำ ในช่วงของการมีประจำเดือน จะมีปัญหาต่างๆ รุมเร้าสาวๆ จนแทบจะทำอะไรไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดท้อง ปวดหลัง อารมณ์หงุดหงิดง่าย หิวบ่อย รวมทั้งอาการบวมน้ำ แม้ว่าอาการเหล่านี้จะไม่สามารถควบคุมไม่ให้เกิดขึ้น แต่ก็สามารถลดหรือบรรเทาอาการได้ด้วยพฤติกรรมของเราเอง โดยวันนี้เราก็จะมาแชร์เคล็ดลับที่จะช่วยลดอาการบวมน้ำในช่วงมีประจำเดือนมาให้สาวๆ ได้นำไปใช้กัน จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยค่ะ 1.กินแต่อาหารที่มีประโยชน์ ในช่วงมาประจำเดือนมักเป็นช่วงที่สาวๆ เลือกกินตามใจปากและตามใจอารมณ์อย่างมาก จนบางครั้งก็ไม่คำนึงถึงผลเสียที่จะตามมา ดังนั้นเพื่อลดอาการบวมน้ำในช่วงมีประจำเดือน คุณจำเป็นต้องใส่ใจในเรื่องการกินอาหาร โดยเลือกกินแต่ของมีประโยชน์ หมั่นกินผักผลไม้อย่างเช่น ขมิ้นชัน ขิง แตงกวา และหน่อไม้ฝรั่ง เพราะอาหารเหล่านี้ช่วยลดการอักเสบ ขับปัสสาวะ และอาการบวมน้ำได้ ที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงฟาสต์ฟู้ด และอาหารไขมันสูงทั้งหลาย 2.พักผ่อนให้เพียงพอ ถ้าไม่อยากมีอาการบวมน้ำในช่วงมีประจำเดือนก็ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ โดยเฉพาะการนอนหลับในแต่ละวัน ควรทำให้ตัวเองได้นอนอย่างเต็มที่ เพราะมันช่วยในการฟื้นฟ

“อ้วน” หรือ “บวมน้ำ” อย่างไรกันแน่

รูปภาพ
  เคยสังเกตตัวเองกันไหมว่า ตัวเราเองดูบวมๆ อืดๆ พุงออก ท้องป่อง รู้สึกได้ว่าหน้าบวม แก้มบวม และน้ำหนักก็ยังขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุอีกด้วย เอ๊ะ หรือจริงๆ แล้วอาการทั้งหมดนี้ ไม่ได้เป็นเพราะอ้วน แต่อาจจะเป็นอาการ “บวมน้ำ” อาการบวมน้ำ คือ การที่ร่างกายเก็บกักน้ำเอาไว้เป็นจำนวนมาก และการที่ร่างกายได้รับน้ำเยอะ แต่ไม่ใช่จากการที่เราดื่มน้ำมากเกินไป อาการบวมน้ำเกิดจากของเหลวที่ควรเดินทางผ่านหลอดเลือด และน้ำเหลืองกลับซึมเข้าสู่เซลล์และช่องว่างระหว่างเซลล์ ในร่างกายของคนเราจะสามารถรักษาระดับความสมดุลของน้ำในร่างกายได้อย่างธรรมชาติ  ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการบวมน้ำมีด้วยกันหลายสาเหตุ 1. ช่วงประจำเดือนอ้วนบวมน้ำ เกิดจากการไม่สมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปสเจสเตอโรน จึงทำให้ร่างกายสะสมของเหลวมากกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการบวมน้ำ และอาจมีอาการท้องอืด 2. กินเค็มจนเกิดอาการบวมน้ำ อาหารที่มีรสเค็มจะมีโซเดียม ที่ทำให้ร่างกายเกิดการบวมน้ำได้มากถึง 2 กิโลกรัม เพราะร่างกายจะทำการเก็บน้ำอัตโนมัติ เพื่อขับโซเดียมส่วนเกินออกทางไต 3. พุงบวมเพราะแอลกอฮอล์ เหล่านักดื่มที่จะตัวบวม พุงบวม ไม่ได้หมายความว่าบวมจากเหล้า

เคยลองสังเกตตัวเราเวลาตื่นนอนขึ้นมากันบ้างไหมค่ะ?

รูปภาพ
ว่าตื่นขึ้นมาทำไมรู้สึกใบหน้า ฝ่ามือ เท้า และตัวของเราดูบวมๆ อืดๆ หรือรู้สึกเหมือนว่าน้ำหนักขึ้น ทั้งที่ก่อนหน้าจะเกิดอาการก็รับประทานอาหารปกติ แต่พอสักพักอาการบวมต่างๆก็ยุบหายไปได้เอง ซึ่งอาการเหล่านี้อาจเกิดจากการบวมน้ำก็เป็นได้ และหลายท่านก็มักจะมีความเข้าใจผิดว่าอาการบวมน้ำเกิดจากการดื่มน้ำมากเกินไป ซึ่งจริงๆแล้วการดื่มน้ำจะช่วยสร้างสมดุลให้กับร่างกายและกระตุ้นการขับถ่ายให้ดีมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถช่วยลดปริมาณโซเดียมในร่างกายของเราผ่านการขับถ่ายทางปัสสาวะได้อีกด้วย อาการบวมน้ำ เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุเช่น 1.จากอาการเจ็บป่วย หรือ การแพ้ยาบางชนิด   2.พฤติกรรมการรับประทานอาหารที่มีรสจัดหรือมีส่วนผสมของโซเดียมมากเกินไป โดยเฉพาะรสเค็มจัดและเผ็ดจัด เพราะเกลือมีส่วนในการเพิ่มปริมาณของเหลวในร่างกาย จึงส่งผลทำให้เกิดอาการบวมน้ำได้ 3.การนั่งหรือยืนในท่าเดิมเป็นเวลานาน โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสภาพอากาศร้อน 4.การตั้งครรภ์ 5.สำหรับสุภาพสตรีมักจะเกิดขึ้นในช่วงก่อนมีประจำเดือน หรือมีการเปลี่ยนเเปลงของฮอร์โมน   สังเกตยังไงว่าเป็นอาการบวมน้ำหรืออ้วน? -อาการบวมน้ำจะเป็นอาการที่เกิดขึ้นและลดลงหายเองไ